วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561


การจัดการเรียนรู้พลศึกษาของสถาบันการศึกษา ในศตวรรษที่ 21


                ศตวรรษที่ 21 สถานการณ์โลกมีความแตกต่างจากศตวรรษที่ 20 และ 19 ระบบการศึกษา ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะความเป็นจริง
                ในประเทศสหรัฐอเมริกาแนวคิดเรื่อง "ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21" ได้ถูกพัฒนาขึ้น โดยภาคส่วนที่เกิดจากวงการนอกการศึกษา ประกอบด้วย บริษัทเอกชนชั้นนำขนาดใหญ่ เช่น บริษัทแอปเปิ้ล บริษัทไมโครซอฟ บริษัทวอล์ดิสนีย์ รวมตัวและก่อตั้งเป็นเครือข่ายองค์กรความร่วมมือเพื่อทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Partnership for 21st Century Skills) หรือเรียกย่อๆว่า เครือข่าย P21
                หน่วยงานเหล่านี้ ได้พัฒนาวิสัยทัศน์และกรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21ขึ้น สามารถสรุปทักษะสำคัญอย่างย่อๆ ที่เด็กและเยาวชนควรมีได้ว่า ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม หรือ 3R และ 4C ซึ่งมีองค์ประกอบ ดังนี้
                3 R ได้แก่ Reading (การอ่าน), การเขียน (Writing) และ คณิตศาสตร์ (Arithmetic) และ
                4 C (Critical Thinking - การคิดวิเคราะห์, Communication- การสื่อสาร Collaboration-การร่วมมือ และ Creativity-ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงทักษะชีวิตและอาชีพ และทักษะด้านสารสนเทศสื่อและเทคโนโลยี และการบริหารจัดการด้านการศึกษาแบบใหม่
การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมสุขภาวะของคนไทยให้มีสุขภาพ แข็งแรงทั้งกายและใจ

การจัดการเรียนรู้พลศึกษาของสถาบันการศึกษา ในศตวรรษที่ 21
1.อยู่ในขอบข่ายของกิจกรรมพลศึกษากิจกรรมพลศึกษาต้องเป็นกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเพื่อพัฒนาระบบอวัยวะของเด็กที่มีมาตั้งแต่เกิดเช่น การเดิน การวิ่ง การกระโดด ขว้างปา ห้อยโหน ฯลฯ ให้มีการเจริญพัฒนาการอย่างถูกต้อง จึงประกอบด้วยกิจกรรมดังต่อไปนี้
                1. เกม (Game) เป็นกิจกรรมการเล่นอย่างง่ายๆ ไม่มีกฎกติกามากนัก มีจุดมุ่งหมายเพื่อความสนุกสนาน และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายได้ตามสมควร เกมบางประเภทสามารถนำมาใช้กับผู้ใหญ่ได้อย่างสนุกสนาน
                2. กิจกรรมกีฬา (Sport) เป็นกิจกรรมใหญ่ที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลาย กิจกรรมกีฬา แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ได้ 2 ประเภทได้แก่ 2.1 กีฬาในร่ม (Indoor Sport) 2.2 กีฬากลางแจ้ง (Outdoor Sport)
                3. กิจกรรมเข้าจังหวะ (Rhythmic Activity)
                4. กิจกรรมทดสอบสมรรถภาพทางกาย
                5. กิจกรรมนอกเมือง
                6. กิจกรรมแก้ไขความพิการ


2.สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของพลศึกษา ดังนี้
1. พัฒนาความเจริญเติบโตทางด้านร่างกาย
                1.1 พัฒนาระบบกล้ามเนื้อ ให้มีขนาดโตขึ้นมีความแข็งแรงมากขึ้น
                1.2 พัฒนาระบบกระแสโลหิต ทำให้ลดการสะสมของกรดแลคติก
                1.3 พัฒนาระบบเส้นโลหิต ทำให้เส้นโลหิตมีความยืดหยุ่นตัวดี
                1.4 พัฒนาระบบหัวใจ ทำให้หัวใจมีขนาดโตขึ้นมีความแข็งแรงมาก
                1.5 พัฒนาระบบความดันโลหิต ทำให้ความดันโลหิตปรกติ (120/80 มิลลิเมตรปรอท)
                1.6 พัฒนาระบบหายใจ ทำให้ปอดแข็งแรง อัตราการหายใจต่ำลง
                1.7 พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างระบบประสาทกับกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดทักษะ (Skill)
                1.8 พัฒนาระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้มีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

2. พัฒนาความเจริญทางด้านจิตใจ
                เสริมสร้างความมีน้ำใจนักกีฬา เช่น ความอดทน ความเสียสละความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความยุติธรรม ความเมตตากรุณา ฯลฯ
3. พัฒนาการทางด้านอารมณ์
                เสริมสร้างสมาธิ การควบคุมอารมณ์ ความสดชื่น สนุกสนาน ฯลฯ
4. พัฒนาการทางด้านสังคม
                เสริมสร้างการทำงานร่วมกัน(Team Work) การเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี การปรับตัวเข้ากับสังคม ฯลฯ
5. พัฒนาการด้านสติปัญญา
                เสริมสร้างความคิดริเริ่ม การตัดสินใจ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฝึกไหวพริบ ฯลฯ

พลศึกษาในเชิงร่างกาย 
  ก็คือการทำให้ร่างกายมีพลังที่เป็นรูปธรรม ประกอบด้วย
      1 ความแข็งแรง เช่น ข้อมือ สามารถยกสิ่งของหนักได้
      2 ความเร็ว เช่น การวิ่งระยะสั้น 50 เมตร ในเวลาที่กำหนด
      3 ความอ่อนตัว เช่น การก้มตัว เข่าตึง ไปหยิบของบนพื้น
      4 ความคล่องแคล่ว เช่น การโยกลำตัวหลบหลีกสิ่งกีดขวาง
      5 ความทนทาน เช่น การเดินเร็ว หรือวิ่งระยะทางไกล เป็นเวลานาน
      6 ระบบไหลเวียนโลหิต เช่น การที่เหงื่อออกจากร่างกาย และการจับชีพจรตามเกณฑ์ที่กำหนด

พลศึกษาในเชิงการศึกษา

        เป็นส่วนขององค์ประกอบ 4 ประการ ของการศึกษาตามหลักสูตร 2504 ประกอบด้วย
พุทธิศึกษา(Head) เป็นการศึกษาทางด้านวิชาความรู้แขนงต่างๆ เช่น การคิดเลข, การอ่าน, การเขียน
จริยศึกษา(Heard) เป็นการให้การอบรมกล่อมเกลาทางด้านจิตใจเช่น การเรียนรู้เกี่ยวกับ ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ
พลศึกษา(Health) เป็นการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และความแข็งแรงทางด้านร่างกาย เช่น การเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้มวยไทยกระบี่กระบองการฝึกระเบียบแถวของนักรบไทยสมัยโบราณ
หัตถศึกษา(Hand) เป็นการศึกษาที่ฝึกให้เป็นผู้มีทักษะการใช้มือประดิษฐ์สร้างสรรค์งานช่าง ต่างๆ เช่น การปั้น แกะสลักการวาดเขียนหรือที่เรียกว่า ช่างสิบหมู่

พลศึกษาในเชิงความยิ่งใหญ่
                ยิ่งใหญ่ จากคำแปลของคำว่า ยิ่งใหญ่ทำให้เห็นว่าพลศึกษามี 2 ส่วนที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ คือ
1 พลังอำนาจ บ่งบอกทางร่างกาย-จิตใจ   2 พลังสติปัญญาความสามารถสูง บ่งบอกทางสมอง ดังขอขยายความออกเป็น
1. ความยิ่งใหญ่และเกรียงไกรของพลศึกษาแห่งพลังอำนาจ ที่บ่งชี้ทางพลังกาย คือ คนใดที่ได้ใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหวที่มีมากมายหลายหลากของพลศึกษาในเชิงร่างกาย ย่อมเกิด
      1.1 ความแข็งแรง (Strength) เช่น ข้อมือสามารถยกของหนักได้ จากที่ไม่เคยยกได้มาก่อน เป็นต้น
      1.2 ความเร็ว (Speed) เช่น วิ่งได้เร็วและเร่งมากขึ้น อย่างไม่เหนื่อย เป็นต้น
      1.3 ความอ่อนตัว (Flexibility) เช่น สามารถก้มตัวหยิบของบนพื้นได้อย่างสบายไม่ปวดเมื่อย เป็นต้น
      1.4 ความคล่องแคล่ว (Agility) เช่น สามารถโยกลำตัวหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้รวดเร็ว เป็นต้น
      1.5 ความทนทาน (Endurance) เช่น เดินหรือวิ่งได้นานขึ้น และไม่เมื่อยล้า เป็นต้น
      1.6 ระบบไหลเวียนโลหิต (Circular –Respiratory Fitness) เช่น มีเหงื่อออกจากร่างกายมากขึ้น ทำให้รู้สึกสดชื่น เป็นต้น

2.ความยิ่งใหญ่และเกรียงไกรของพลศึกษาแห่งพลังสติปัญญาและความสามารถสูงที่บ่งชี้ทางพลังสมองของคน  มีดังนี้
        2.1 วิทยาศาสตร์การกีฬา ( Sport Science ) เป็นการศึกษาและเรียนรู้จากการสังเกต ค้นคว้า ทดลองและวิจัยในเรื่องที่สอดคล้องกับกิจกรรมการเคลื่อนไหว เพื่อนำไปสู่การมีสุขภาพที่แข็งแรงและจิตใจที่แข็งแกร่ง
        2.2 กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา ( Anatomy and Physiology ) เป็นการศึกษาและเรียนรู้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นประสาท ของร่างกาย เพื่อให้การเคลื่อนไหวถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ     
       2.3 จิตวิทยาการกีฬา ( Psychology of Sport ) เป็นการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรม อารมณ์ บุคลิกของคน เพื่อทำให้มีสภาวะจิตใจที่เข้มแข็งและมั่นคงในกิจกรรมการเคลื่อนไหว
       2.4 ชีวกลศาสตร์ ( Biomechanics ) เป็นการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับแรง ขนาดของวัตถุ ที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การเคลื่อนไหวมีประสิทธิผล
       2.5 เวชศาสตร์การกีฬา ( Sports medicine ) เป็นการศึกษาและเรียนรู้การป้องกัน รักษา กายภาพบำบัดและวินิจฉัยเรื่องการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหว เพื่อให้ร่างกายและจิตใจคืนสภาพสู่ภาวะปกติ
       2.6 โภชนศาสตร์การกีฬา ( Nutrition of Sport Science ) เป็นการศึกษาและเรียนรู้เรื่องอาหารที่นำมาใช้กับร่างกาย เพื่อให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวและมีพลังงานในการทำงานอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง

                ซึ่งองค์ความรู้ดังกล่าวข้างต้น อาจมีการแตกแขนง เพื่อเพิ่มสาระเนื้อหาให้มากและเจาะลึกในรายละเอียดได้ จะเห็นได้จากการนำเนื้อหาเพียง กีฬาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งส่วนย่อยของพลศึกษาเท่านั้น แต่สามารถสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับคนที่มีความสามารถในเชิงกีฬา และสร้างชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ความยิ่งใหญ่ของกีฬานั้น คนยังคงมองข้ามข้อตกลง ข้อบังคับ กฎกติกา ที่เป็นความรู้ทางธรรม มุ่งเน้นจริยธรรม จรรยามรรยาท ที่แอบแฝงปลูกฝังคนให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬาควบคู่ไปกับความเก่งกาจทางทักษะกลไก
จึงเห็นว่าความยิ่งใหญ่ของพลศึกษา มีพลานุภาพและเสริมส่งภูมิปัญญาในองค์ความรู้ที่หลากหลายมากมายอย่างไม่จบสิ้น และพลศึกษาเสมือนตัวแม่ในการแตกแขนงความรู้เหล่านี้ เพื่อดำเนินการจัดการเป็นสาขาวิชาหนึ่ง หรืออาจเป็นภาควิชาหนึ่ง หรือคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยก็ได้ ตราบใดองค์ความรู้ที่เรียนรู้เกี่ยวข้องและถ่ายโยงสู่ร่างกายและจิตใจของคน ตราบนั้นพลศึกษายังคงดำรงอยู่ในเลือดเนื้อเชื้อไขและจิตใจของคนไปตลอด

พลศึกษาในเชิงความก้าวไกล
                ก้าวไกลแปลความได้ว่าการเจริญวัฒนาขึ้นไปตามลำดับเพราะพลศึกษาเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคนเมื่อวิวัฒนาการความคิดในการสร้างสรรค์ของคนไม่หยุดนิ่งศึกษาหาความรู้ค้นคว้าและวิจัยมาตลอดนำการเคลื่อนไหวของคนมาประยุกต์ ปรับเปลี่ยน ปรับปรุง และส่งเสริมให้เป็นเกม เป็นกีฬาเป็นการออกกำลังกายทำให้การก้าวไปของพลศึกษาเป็นไปอย่างมีระบบขั้นตอน 
                การก้าวไกลของพลศึกษา เน้นกิจกรรมทางกีฬา จัดในรูปแบบการเล่นกีฬานานาชนิด การแข่งขันกีฬานานาชาติ เพื่อมวลมนุษยชาติ ซึ่งในแถบเอเชียจะเห็นขั้นตอนการแข่งขันกีฬาจากประเทศกลุ่มเล็กไปสู่ประเทศกลุ่มใหญ่ อย่างเช่นประเทศในแถบกบลุ่มเอเชีย มีกีฬาซีเกมส์ (Southeast Asian Games หรือ SEA Games) มีประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขยายเป็นกีฬาเอเชียนเกมส์ (Asian Games) หรือเรียกว่า "Asiad" คือกลุ่มประเทศในทวีปเอเชีย จากนั้นสู่ทั่วโลกคือกีฬาโอลิมปิก (Olympic Games), ชี้ให้เห็นว่ามีการ

การจัดการเรียนรู้การศึกษาในปัจจุบัน

                จากนโยบายการลดเวลาเรียนของเด็กให้น้อยลงโดยมีการ ปรับลดให้เลิกเรียนเวลา 14.00 น. มีส่วนทำให้เด็กมีช่วงเวลาใน การทำกิจกรรมมากขึ้น มีช่วงเวลาให้เด็กได้เปิดกรอบความคิด ของตนเองทำกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาความสามารถและทักษะการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยพลศึกษาอาจเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมดังกล่าว เช่น เด็กที่มีความสามารถการเล่นกีฬาก็มีเวลาฝึกซ้อมมากขึ้นหรือการสนใจ
ในด้านการออกกำลังจากช่วงเวลาเรียนที่ยาวนานทำให้เด็กไม่มีเวลาอยู่กับเพื่อนก็มีเพิ่มขึ้น ช่วงเวลาที่ให้เด็กเลือกทำกิจกรรม



ที่มา:https://prezi.com/jqphk1z-h4vh/presentation/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การจัดการเรียนรู้พลศึกษาของสถาบันการศึกษา ในศตวรรษที่ 21                 ศตวรรษที่ 21 สถานการณ์โลกมีความแตกต่างจากศตวรรษที่ 20 แล...